เมื่อดิฉันกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ สิ่งที่คนรู้จักถามมากที่สุดเห็นจะเป็นคำถามที่ว่าเหตุไฉนไม่สนใจทำธุรกิจการศึกษา เช่น ส่งเด็กไปเรียนนอก หรือเปิดติวราคาแพงๆ
เหตุผลข้อเดียวที่ดิฉันต้องตอบตามความจริงที่เห็นคือธุรกิจการศึกษาดูจะเป็นธุรกิจอันโสมม ขายฝันแบบเหมาจ่าย เคยลองถามโรงเรียนเดอะติวเตอร์ว่าจ่ายครูเท่าไร ราคาอยู่ที่สองร้อยห้าสิบบาท มีอัดเทปด้วยและโรงเรียนจะเอาเทปที่เราสอนไปเปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ตั้งราคาติวรอบเทปชั่วโมงละเป็นร้อยในห้องที่มีเด็กราวห้าสิบคน เรื่องค่าแรงก็ส่วนหนึ่งแต่เรื่องที่ธุรกิจขายฝันนี้ได้ฝังรากเข้าไปในสมองของเด็กคือ
เมื่อจบคอร์สนี้แล้วจะได้ …… ได้ห่าได้เหวอะไรก็ตามที่เด็กอยากใส่ไปในช่อง
เป็นต้นว่า เมื่อเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันนี้แล้วจะได้เป็นแอร์การบินไทยตามใจฝันโดยหารู้ไม่ว่าการบินไทยต้องมีเส้นใหญ่ระดับควายถึงเข้าได้
ลองมาดูตัวอย่างเส้นทางโสมมที่หากินกับอนาคตของคนกันนะคะ
1. ส่งเด็กไปเรียนนอกแพงๆ
ประสบการณ์ตรงของดิฉันมาจากบริษัทโอเวอร์ซีเอ็ด ซึ่งตอนนั้นได้ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา โฆษณาชวนเชื่อหลายอย่างโดยเมื่อไปถึงก็ไม่ดูแล บ้าน โรงเรียนเถื่อนขั้นเทพ ยังดีที่ดิฉันได้ทุนเต็ม เสียแค่ค่าเครื่องบิน หลายๆคนที่ไม่มีความสุขก็อดทนไปทั้งปี
กรณีนี้ยังไม่เสื่อมทรามเท่าหลายบริษัทที่ออกตัวว่าเรียนโทอังกฤษปีเดียว ไม่ต้องสอบไอเอล หรือสอบได้แค่ห้ากว่าๆก็ไปได้... เมื่อเด็กเหล่านี้ไปถึง ความสามารถไม่พอ ต้องเรียนไปเรื่อยๆและไม่ผ่าน เคยทราบจากคนรู้จักว่าสุดท้ายใช้เวลาเรียนโทราวสี่ปี เสียเวลาและเงินให้ผู้ประกอบการและโรงเรียนที่ไร้จรรยาบรรณ บางคนใช้เวลาแปดปีก็มี
เรื่องส่งเด็กไปเรียนนอกแพงๆนั้นต้องดูเป็นกรณีไป แต่มหาลัยฝรั่งดีๆส่วนใหญ่มันไม่มีศูนย์ในเมืองไทยหรอกค่ะ ต้องสมัครไปเอง และยากมากที่จะเข้าได้
ศูนย์แนะนำมักพร่ำบอกว่า จบออกมาสามารถทำงานเมืองนอกได้ มีรุ่นพี่ทำงานที่นั่นที่นี่
โดยแท้จริงคนเหล่านั้นได้งานเพราะเหตุผลอื่น เช่น มีแฟนต่างชาติเลยได้พาสปอร์ต หรือ มีนามสกุล
2. รับจ้างเขียนรายงาน
ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากคนรู้จักหลายท่าน ซึ่งยินดีโทรศัพท์มาให้ด่า ว่ากำลังหาคนเขียนรายงานหรือทำรายงาน เล่มละประมาณสามหมื่นบาท บอกได้คำเดียวเลยว่าไม่รับทำ ดิฉันไม่เห็นคุณค่าของความรู้จอมปลอมซึ่งนักเรียนไร้จรรยาบรรณตกลงกับผู้ประกอบอาชีพที่ไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในการกระทำของตนเอง
คนที่รับเขียนรายงานหรือทำรายงานมักอ้างเสมอว่า ถ้าเขาไม่จ้างเรา เขาก็ไปจ้างคนอื่น
ณ จุดนี้ดิฉันจะถามให้ละเอียดว่านักเรียนคนนั้นต้องการอะไร อย่างไร และยินดีสอนเขียนรายงาน สอนทำรายงานให้ในราคาถูกๆเพียงชั่วโมงละสองร้อย ถ้าน้องคนนั้นๆยินดีจ่ายสามหมื่น จะได้ชั่วโมงเรียนร้อยห้าสิบชั่วโมง
บุคคลที่โทรศัพท์มาสามคนถ้วนนั้นหายไปและไม่โทรมาอีกเลยตามความคาดหมายของดิฉัน
คาดว่าคงไปจ้างคนอื่น ถามว่าสังคมเปลี่ยนไปไหมก็ไม่ แต่ดิฉันอยากให้คนที่โทรมาได้ทราบว่าอย่างน้อยๆในโลกที่มีคนยินดีหาเลี้ยงชีพด้วยการลดมาตรฐานการศึกษาไทย ดิฉันคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เห็นด้วยเพราะเด็กคนนั้นจะโง่ตลอดไป เห็นใบปริญญาเป็นมาม่า สี่ปีสุก แดกได้ แต่ไร้สารอาหาร
ก็ได้้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งคนจะเลิกรับจ้างเขียนรายงาน พวกที่อยากจ้างจะได้หัดเขียนเอง และละอายตัวเองอย่างจริงๆจังๆ
3. ขายรายงาน หรือผลงานที่ตัวเองเขียน
ค่ำวันหนึ่งดิฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่า ว่าด้วยเรื่องคนรู้จักของหล่อนต้องการเข้าแฟชั่นที่เซนต์มาร์ตินให้ได้ ..
หล่อนถามว่าดิฉันยินดีให้เพื่อนของหล่อนนำงานดิฉันไปสมัครเรียนหรือไม่
โดยจะให้ค่าตอบแทนหนึ่งแสนหากดิฉันพอใจ
หากไม่พอใจให้โทรไปเจรจากับเพื่อนของหล่อน
..
“ ขอบใจนะแก แต่เรามีจรรยาบรรณพอที่จะไม่หลอกเพื่อนแกว่ะ
เพื่อนแกถ้าเข้าไปได้จะเรียนได้เหรอ อาจจะโดนไล่ออกนะ
วิธีการคิดงานของโรงเรียนเรากับที่อื่นไม่เหมือนกันจริงๆ
ถ้ารีบอยากทำพอร์ต เราสอนได้นะ เราเน้นสอนคนกับรับงานออกแบบแต่ไม่รับทำงานให้จริงๆว่ะ บอกเพื่อนแกแล้วกันว่าโทรมาคุยได้ ปรึกษาได้”
4. สอนหนังสือแบบส่งๆ
ช่วงที่ดิฉันไม่ทำงานประจำ ได้ลองลงประกาศว่ารับสอนศิลปะ โดยเด็กที่โทรเข้ามาถามมักจะทราบว่าดิฉันเคยได้ที่ 1 สายศิลป์ของประเทศเมื่อปี 2547
ประหลาดนักที่เด็กพวกนี้ต้องการใช้เวลาเพียง 1 เดือนในการเตรียมตัววิชาวาดรูปโดยที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน ยกตัวอย่างบทสนทนาทางโทรศัพท์
“ พี่แน้ตใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“หนูอยากติวเข้าศิลปกรรม ที่ธรรมศาสตร์ค่ะ”
“ ทำไมถึงอยากเข้าละคะ”
“ ก็ ..หนูชอบดูแฟชั่นโชว์ค่ะ”
ในกรณีที่เด็กโทรเข้ามาถาม หรือ ส่งอีเมลเข้ามาถาม ดิฉันจะถามเจาะ ชวนคุยก่อนเลยว่าเพราะอะไรถึงอยากเรียน
ถามไปถามมา เด็กๆพวกนี้แบไต๋ออกมาว่าเพราะคิดว่าง่าย
เด็กคิดว่าการสอบเข้ามหาลัยเป็นมาม่า เดือนเดียว ติวแล้วเสร็จ เข้าได้เลย
เด็กเกินครึ่งถามว่า “ต้องกลับไปวาดเองที่บ้านด้วยเหรอพี่”
ทั้งที่เด็กๆพวกนี้บอกโจทย์ว่ามีเวลาเดือนเดียวโดยไม่มีพื้นฐาน
ในกรณีที่มีพื้นฐานแล้วดิฉันจะให้เด็กสแกนผลงานหรือเอาลงเว็บไซต์มาให้ดูหน่อย
ซึ่งก็หายไปอีกเช่นกัน เพราะบอกว่าขี้เกียจเอาลงเว็บ
“พี่ให้การบ้านเยอะรึเปล่าคะ”
“เยอะค่ะ พี่ต้องให้เยอะ เพราะหนูมีเวลาไม่มาก”
เด็กที่เลือกเรียนศิลปะในประเทศเราหลายคนเลือกเรียนเพราะคิดว่าง่าย เลือกอะไรไม่ได้แล้ว
หรือเลือกส่งๆ สถาบันที่สอนส่วนใหญ่ไม่ถามเด็กเลยว่าเพราะอะไรถึงอยากเรียน มีเวลาแค่ไหน ครูที่มีจรรยาบรรณต้องไม่หลอกเด็ก ไม่เอาลูกกวาดไปล่อว่าจบคอร์สแล้วจะได้นั่นได้นี่
ในโลกแห่งความเป็นจริง เด็กจะได้ความรู้ ได้ปริญญาที่มีคุณภาพก็ต่อเมื่อขยันและมีวินัยเท่านั้น สรุปจนถึงทุกวันนี้ดิฉันยังไม่ได้ปั้นเด็กคนไหนในฐานะนักเรียนเลย
รับสอนภาษาอังกฤษให้แค่ที่เดียวเท่านั้น ยังดีที่เด็กๆหลายคนที่คุยแล้วมีแวว ดูตั้งใจจริงนั้นสอบเข้าได้สมใจเพราะกลับไปฝึกเองที่บ้าน เรียนเอง คิดเอง ไม่ได้ติวที่ไหนเลย
เด็กพวกนี้ส่วนใหญ่ยังส่งอีเมลเข้ามาทักทายเป็นบางครั้ง
นับเป็นเวลาหลายปีที่ดิฉันปฏิเสธเงินง่ายๆรวมแล้วหลายแสนบาทแลกกับจรรยาบรรณที่กินไม่ได้
ถามว่าคุ้มไหม อาจจะมีเพียงดิฉันที่ตอบกับตัวเองว่าคุ้ม
ดิฉันอยากให้การศึกษาไทยดีขึ้น โดยเฉพาะด้านศิลปะที่เด็กๆจะคิดว่าเรียนเพื่อสอบเข้า เพื่อมีอาชีพ
ศิลปะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตแต่คือชีวิตโดยเนื้อของมันเอง เราวาดรูปเพื่อให้กล้ามเนื้อมือดี เราปั้นเพื่อบริหารสมาธิทำให้สมองโล่ง ศิลปะทำให้เด็กๆยิ้มและมีแรงทำสิ่งสร้างสรรค์อื่นๆ
ค่านิยมที่ว่าการศึกษาคือมาม่า น่าจะเปลี่ยนไปได้แล้ว
มารการศึกษา ไม่ใช่กระทรวงศึกษาหรือเด็กลูกคนงานที่โดนแดกดันว่าจน ว่าโง่
คนพวกนี้แหละที่นำเงินเข้าประเทศไทยมากเสียกว่าวิศวกรที่จบแล้วทำงานให้โรงงานต่างชาติทำให้บ้านเราขาดดุล
มารการศึกษาคือผู้หาผลประโยชน์จากธุรกิจขายฝัน
หลอกลวงอนาคตของชาติว่าเราจะดีกว่าคนอื่นเมื่อเราซื้อบริการการศึกษาของเขา เมื่อเราเอาเงินไปซื้อฝัน ซึ่งเป็นฝันของเขาที่จะได้ร่ำรวยสมใจ
ดิฉันอยากให้คนไทยมีความตื่นตัวเรื่องการศึกษาให้มากกว่านี้
เราบ่นเสมอว่าการศึกษาไทยห่วย แต่เรายังมองค่านิยมเรื่องไปเรียนนอกแพงๆในมหาลัยห้องแถวแล้วกลับมาอวดว่าเป็นเรื่องปกติ
เราเห็นการรับจ้างเขียนรายงาน ขายงาน สอนหนังสือแบบส่งๆโดยไม่สนใจที่มาที่ไปของเด็กเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าเรารับตรงนี้ได้เราต้องกลับมามองตัวเองแล้วล่ะ ว่ามีคุณภาพแค่ไหน
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ผู้ชายไทยเล้ว เลว!!

หมายเหตุ* บทความนี้อาจประกอบด้วยคำไม่สุภาพ อ่านแล้วอาจสะใจ อาจได้ข้อมูล แต่ไม่อาจช่วยขัดเกลาจิตใจได้ บทความนี้มาจากความจริงล้วนๆ
เดี๊ยนขอสารภาพด้วยความสัจจริงว่าเดี๊ยนรักผู้ชายไทยมาก รักมากในฐานะเพื่อน พี่ น้อง เจ้านาย ในทุกฐานะ ยกเว้น กิ๊ก แฟน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพทางชู้สาว
เพราะอะไรนะหรือคะท่านผู้อ่าน!
นั่นก็เพราะผู้ชายไทยจากประสบการณ์ของเดี๊ยนและเพื่อนๆสามารถสรุปได้ด้วยคำคำเดียว
‘เหี้ย’
ยังจำได้ถึงวัยประถมและมอต้นที่มีผู้ชายไทยมาจีบ เอาของขวัญมาให้
เขาเหล่านั้นเป็นคนดีในฐานะเพื่อน แต่ไม่รู้ทำไมชอบทำอะไรกล้าๆกลัวๆ ก้มๆเงยๆทำติ่งอะไรไม่รู้
ดูแล้วงง มึงเป็นไรมากปะเนี่ย เดี๊ยนคิด.....
เดี๊ยนยังจำประสบการณ์นั้นได้ดี ตอนอยู่ธรรมศาสตร์ มีผู้ชายคนหนึ่งโทรมาจีบ เรียกว่าไอ้โรคจิตดีกว่า มันโทรมาแล้วพูดกับเดี๊ยนว่า ‘ของเรายาวเจ็ดนิ้วกว่า’
สมัยนั้นเดี๊ยนยังอินโนเซ้นส์ ก็ยังงงๆแล้วเข้าใจว่าเป็นขนาดหลอดไฟที่หอ...
แฟน เก่าเดี๊ยนที่เป็นคนไทย เป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก แต่เดี๊ยนคิดผิดที่เอามันทำแฟน สาเหตุคือตอนจะเลิกกัน ไร้ความแมน โกหกพกลมเหยียดยาว มีการใส่ร้ายป้ายสีผู้หญิงเพื่อโยนความผิด..เป็นอะไรมากปะเนี่ย
เพื่อน เดี๊ยนที่คบๆผู้ชายไทยอยู่ ณ บัดนี้หรือ ณ บัดโน้น ณ บัดไหนก็ตามยังคอยบอกว่าเจ้าชู้เหลือร้าย เผลอไม่ได้มีนอกใจ มีกิ๊กแบบไร้จรรยาบรรณ โกหกบ้างอะไรบ้างเรื่อยเปื่อย
ไม่รู้ว่าจะทำ ตัวดีบวชให้โคตรเหง้าศักราชไปทำไม ในเมื่อตอนบวชมันยังแอบเล่นเอ็มกับกิ๊ก แอบดูหนังโป๊ มารศาสนาชัดๆ นี่แหละ! ผู้ชายไทยที่เดี๊ยนเห็น...
เพื่อนเดี๊ยนเคยเจอเป็นๆคือผู้ชายที่แอบขโมยสร้อยมันไปให้ผู้หญิงอื่น บอกตรงๆอายุเลยเบญจเพสแล้วยังไม่เคยเห็นผู้ชายชาติไหนทำ ยกเว้นผู้ชายไทย
อุบาทว์ ที่สุดที่เจอคือ ลองคบๆกันไปแล้วมันมาบอกเดี๊ยนว่า ‘เราชอบน้องเต้ยอะ ..เธออ้วนไป ไปลดความอ้วนได้ปะ..แล้วเราว่านะ เธอลองย้อมผมจะสวยกว่านี้ เอาแบบเป็นเกลียวตรงปลาย..แล้วเออ’
ก่อนที่ไอ้บ้านั่นจะพูดจบ เดี๊ยนก็วางสายแล้วแกล้งมันให้หนำใจ หลอกล่อให้มันไปรอที่ร้านอาหารแล้วชิ่ง
หลังจากนั้นก็ไม่คุยกันอีกเลยเพราะรับไม่ได้ในความไม่ให้เกียรติผู้หญิง
มึง ไม่ชอบเดี๊ยน เดี๊ยนไม่ว่า แต่อย่าขอให้เปลี่ยนเพราะเดี๊ยนไม่เคยขอให้มันสูงขึ้น ทำผิวแทน หรือบอกให้มันไปฟิตกล้ามท้อง..ไอ้ควาย มึงช่วยดูรูปพรรณสัณฐานตัวเองก่อนจะบอกว่าอยากได้แบบน้องเต้ยแล้วให้เดี๊ยน เปลี่ยนตาม งี้มึงอย่าคบกับเดี๊ยนเลยดีกว่า
ผู้ชายไทยไม่ให้เกียรติผู้หญิงในแง่ความเท่าเทียม หน้าใหญ่ หลายครั้งพยายามโชว์พาวแต่ไม่มีปัญญาทำอะไร บางคนนอกจากปัญญาจะไม่สูง การศึกษาด้อย หน้าตาไม่ดี บ้านจนแล้วยังไม่ยอมรับ ทำกร่างไปทั่ว เล่าให้กันและกันฟังถึงเรื่องโคโยตี้ เด็กเชียร์เบียร์ อาบอบนวดนานาประการ
ใน สังคมผู้ชายฝรั่งหากมีใครแพลมว่าเคยเฉียดกรายสถานอัปมงคมเหล่านี้จะหมายความ ว่าคุณไร้น้ำยาขนาดต้องจ่ายเงินเพื่อเพศสัมพันธ์เชียวหรือ!
เดี๊ยน ไม่ว่าหากคุณทำใจยอมรับ รักและเคารพตัวเอง หมั่นเข้าใจและสำเหนียก แต่หลายคนมองเพศแม่เหมือนเป็นวัตถุทางเพศ จะทำอะไรก็ได้ เพราะคิดว่าผู้หญิงซื้อได้ด้วยเงินหมด..ควายแท้ๆ
ทีนี้มาดูกันว่าทำไมฝรั่งถึงดีกว่าคนไทยราวหน้ามือเป็นหลังตีน
ผู้ชาย ฝรั่ง ..อ๊ะอย่างน้อยๆที่เดี๊ยนและผองเพื่อนเคยประสบมาก็ให้ความเคารพเพศแม่เท่า เทียมกับเพศผู้..เอ๊ย เพศพ่อ ยกตัวอย่างเช่น เดี๊ยนเคยคบฝรั่งคนหนึ่ง เป็นช่วงที่เดี๊ยนและเขาต่างก็เลิกกับแฟน
ใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ อยู่ดีๆเขาก็หายไป จนกระทั่งได้มารู้ข่าวจากเฟสบุ๊คว่ามีแฟนแล้ว
สักพักเขาโทรมาขอโทษขอโพยว่าขาดการติดต่อไป นั่นก็เพราะเขากลับไปหาแฟนเก่าเรียบร้อยแล้ว
นี่คือการเคารพในสิทธิและเวลาของคนอื่น! ไม่ใช่กั๊กๆ เก็บๆ ขาดความชัดเจน พอโดนทำบ้างก็มาร้องไห้โวยวายแบบที่ผู้ชายไทยชอบทำ
ถัดมาที่เห็นได้ชัดในผู้ชายฝรั่งคือ เคารพตัวตนของคนอื่น ไม่มาสะเออะสั่งว่าเดี๊ยนต้องทำอะไรบ้าง
ควร จะเป็นเหมือนใครบ้าง ทำผมทรงอะไรบ้าง และยังมีความเคารพในพื้นที่ส่วนตัว ไม่มาสะเออะถามว่าทำไมเธอมีเพื่อนผู้ชายเยอะจัง ทำไมวันนี้กลับดึก ทำไมแต่งตัวแรง…
ตั้งแต่ลองคบคนไทยมา และ ลองคบฝรั่งมา ได้ผลว่าฝรั่งดีกว่าร้อยทั้งร้อย!
มี อยู่รายหนึ่งเพื่อนเดี๊ยนเล่าให้ฟัง ผู้ชายบอกเปิดเผยว่าคบสองคน แล้วมาบอกกับเพื่อนเดี๊ยนว่าแม่เขาชอบผู้หญิงอีกคนมากกว่า เลยห้ามเพื่อนเดี๊ยนไปบ้านมัน
เดี๊ยนบอกเพื่อนว่า…งั้นมึงก็ไม่ต้องไป ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก ผลออกมาว่าสองคนนั้นจูงมือกันเข้าม่านรูด
จากกรณีนี้เดี๊ยนได้ข้อสรุปว่าผู้ชายมันเหี้ยเพราะผู้หญิงมันโง่
ผู้หญิง ไทยอาจชินแล้วที่ต้องแย่งผู้ชายกันเองจึงปล่อยให้ผู้ชายมันมีสิทธิ์เหนือเรา ทำไมเราไม่คิดใหม่ว่าเราเท่าเทียมกัน จะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายร้องขอการดูแลจากใคร…
สุดท้ายคนที่ปล่อยให้ความเป็นธรรมเกิดในสังคมก็เพราะผู้หญิงเราเองนี่แหละ… เวรจริงๆ
ไหนๆก็ด่าผู้ชายไทยมาเยอะแล้วเราลองมาดูกรณีตัวอย่างดังนี้
1. เดี๊ยนโดนผู้ชายไทยขอให้ลดความอ้วน
-ถ้าเดี๊ยนทำตาม และย้อมผมด้วย เดี๊ยนอาจจะกลายเป็นน้องเต้ยสอง ผู้ชายจะได้ใจว่ามันสั่งเราได้ ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยง
-ถ้าเดี๊ยนไม่ยอม เดี๊ยนด่ากลับ อีควาย มึงเองช่วยไปยืดส่วนสูง ช่วยไปเติมกล้ามท้องให้เหมือน เครก เดวิดหน่อย มันอาจจะรู้สึกบ้าง
ถ้าหาเส้นตรงกลางให้เจอ เดี๊ยนอาจจะลองทำโยคะ ฝึกกายบริหารให้สวยขึ้นก็ได้ จะได้มีสิทธิ์เลือกมากขึ้นอีก
2. เพื่อนเดี๊ยนเจอผู้ชายคบสอง
- ถ้ามันโอเค มันก็เป็นผู้หญิงราคาถูก โดนหิ้วไปตามม่านรูดไม่หยุดหย่อน
- ถ้ามันไม่โอเค ด่ากลับ ไอ้ควาย งั้นกูขอคบทีเดียวสามนะ ตกลงมั้ย เท่าเทียมดี
มี ทางเลือกอื่นมากมายนอกจากการลดราคาตัวเอง เดี๊ยนอยากบอกว่าสินค้าที่มันเคยลดราคา มันขึ้นราคาอีกไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่จะขายแพงเลย ขายราคาปรกติยังไม่ได้
ยิ่งราคาหอยด้วยแล้ว มีแต่จะเน่าเอาเพราะความเก่า! ...เฮ้อ….
3. เพื่อนเดี๊ยนรู้มาว่าแฟนชอบไปอาบอบนวด
- ร้องไห้ ทะเลาะกันสองคืน งอแงตลอด แต่ก็ยอมๆมันไป เพราะคิดว่าผู้ชายหายาก
- ไม่เอา ไม่ให้แตะเนื้อต้องตัว แหวะ! สกปรกโสโครก อย่ามายุ่งกะกู ไปนอนอ่างไป๊
ผู้ชายดีๆมีอีกเยอะ ไม่ลดค่าตัว คิดพลางหาแผนสำรอง
เดี๊ยนไม่อยากให้ผู้หญิงไทยมีฐานคิดว่าเราอ่อนแอกว่า เพราะฐานคิดนี้มาจากเกมการเมืองของผู้ชาย
มัน คลอดลูกไม่ได้ มันทนบาดแผลได้น้อยกว่าเพศแม่ หัวใจมันเต้นแรงกว่า อายุมันสั้นกว่า แค่นี้มันก็อ่อนแอกว่าเราหลายขุมแล้วค่ะสาวๆ มันเองที่คอยใช้ความเชื่อเน่าๆล้างสมองว่าเราอ่อนแอกว่าเพื่อมันจะได้ครอง อำนาจ เราเปลี่ยนความคิดกันได้ ผู้ชายจะได้เหี้ยน้อยลง หัดเคารพเพศแม่มากขึ้น
ขออภัยผู้ชายไทยดีๆหลายๆท่านที่ไม่เคยมีกิ๊ก ไม่โกหกแฟน ไม่เที่ยวผู้หญิง
ผู้ชาย ไทยที่ให้เกียรติผู้หญิงและเชื่อว่าผู้หญิงเท่าเทียมกับตน ผู้ชายไทยที่มีสติปัญญาและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน และขอนับถือความกล้าหาญที่ได้สวนกระแสสังคมอันเชี่ยวกรากของชายไทย
เดี๊ยนขอแจกแจง ณ ที่นี้ว่าเดี๊ยนไม่มีความประสงค์จะกล่าวหาใคร เพียงแต่อยากนำความจริงมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น
…………………………………………
เดี๊ยนเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)