
ราวเก้าปีที่แล้วโลกทั้งใบต้องตะลึงเมื่อประเทศมหาอำนาจต้องท่วมน้ำตาด้วยโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
การสังหารหมู่กลางอากาศของเหล่าผู้ก่อการร้ายจนถึงการย่างสดและฝังชนบริสุทธิ์ทั้งเป็นกระชากขวัญไปจากโลกชั่วขณะ
ชีวิตที่สิ้นไปยังทิ้งเงามัจจุราชให้คนรุ่นหลังกับรอยแผลที่ยากจะเยียวยา
สองสัปดาห์ก่อนหน้านั้นฉันไปเยือนอเมริกาครั้งแรกในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน จำได้โดยละเอียดว่าคือวันที่ 29 สิงหาคม 2001 ณ รัฐแมรีแลนด์ ไม่มีใครรู้ที่มาของฉันและคงประหลาดหากฉันจะทราบที่มาของใคร
ไฮสคูลที่แมรีแลนด์เป็นโรงเรียนเถื่อนๆแห่งหนึ่ง จะแปลกก็ตรงที่เต็มไปด้วยนักเรียนผิวดำ กะด้วยสายตาน่าจะอยู่ที่ 70% อีกยี่สิบส่วนเป็นคนสแปนิกที่เหลือคือคนขาว สงครามสีผิวเกิดขึ้นบ้างซึ่งมักจะเป็นคนผิวขาวโดนรุมต่อยจนยับ เอเชียหัวเหลืองอย่างเราๆรวมฉันแล้วมีไม่ถึงห้าคน
วันแรกที่ไปถึงครูใหญ่ออกมาต้อนรับฉันและบอกฉันว่า “เธอต้องเข้าพบนักบำบัดจิต” ฉันปฏิเสธความช่วยเหลือแต่ทางโรงเรียนยังยืนยันพร้อมทั้งบอกด้วยว่า “สภาพจิตของเธอไม่ปกติ ครูต้องช่วยเธอ” ผลจากการยัดเยียดดังกล่าวทำให้ฉันต้องเข้าพบนักจิตบำบัดสัปดาห์ละครั้งครั้งละหนึ่งถึงสองชั่วโมงและบ่อยได้ตามที่ต้องการ
สองสัปดาห์ผ่านไป จำได้ชัดว่าเป็นวันอังคารเวลาประมาณ 11 โมงในคาบวรรณคดีอังกฤษของครูเอแบร์ ตัวละครจากเรื่อง แมคเบ็ธกำลังหายใจอยู่ในหน้ากระดาษ จู่ๆก็มีประกาศจากลำโพงว่าเครื่องบินได้เข้าชนตึกแฝดในมหานครนิวยอร์กและตึกเพนทากอน ครูเอแบร์ยืนอยู่หน้าห้องด้วยอาการตกใจพร้อมเอามือปิดปาก...
“สามีครูทำงานในตึกแฝด!” นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบแล้วเงี่ยหูฟังประกาศต่อไปซึ่งน่าระทึกใจยิ่งกว่า เพราะเป็นรายนามผู้เสียชีวิต
เด็กหญิงคนดำหลังห้องนามว่าไอวี่กำมือเพื่อนไว้แน่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเสียงประกาศชื่อหนึ่งจบลงเธอร้องไห้โฮโผเข้ากอดเพื่อน เพื่อนสาวบอกคนในห้องเบาๆว่า.... พ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว
ผู้อำนวยการโรงเรียนจบประโยคสุดท้ายด้วยคำสั่งให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันที่โรงอาหารเพื่อดูข่าวจากซีเอ็นเอ็น ครูเอแบร์เล่าให้ฟังก่อนนำนักเรียนออกนอกห้องว่าสามีเธอเพิ่งโทรศัพท์มาบอกว่าเขาแลกเวรกับเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งเพราะรู้สึกไม่สบาย เพื่อนร่วมงานของสามีครูหายสาบสูญไปกับซากตึก!
ฉันไม่เคยเห็นการร้องไห้หมู่ที่มากมายขนาดนี้มาก่อน กลางโรงอาหารที่นักเรียนราวพันคนนำความเศร้ามากองรวมกัน เสียงสะอื้นไม่ขาดห้วงอยู่นานเป็นชั่วโมง พ่อแม่และญาติๆของเพื่อนในโรงเรียนเสียชีวิตไปกว่าร้อยชีวิต โรงอาหารไม่มีกลิ่นอาหารเหมือนวันอื่นๆ พ่อครัวแม่ครัวรีบกลับไปรับลูกจากโรงเรียน หลังเสียงสะอื้นนักเรียนก็ทยอยกันกลับบ้าน
สองวันต่อมาถึงเวลาที่ฉันต้องเข้าพบนักจิตบำบัด วันนั้นห้องที่เคยมีแต่ฉันกลับเต็มไปด้วยเพื่อนๆอีกเกือบสิบคน เรามารวมตัวกันด้วยเหตุผลเดียวคือความสูญเสียอันใหญ่หลวง เราจับมือกันแล้วเล่าเรื่องราวชีวิตของแต่ละคน เรากอดคอกันร้องไห้แม้ไม่เคยรู้จักมักคุ้น เราถูกฝึกให้รู้จักเยียวยาตัวเองและผู้อื่น
นักเรียนทุกคนที่ประสบความสูญเสียต้องมารวมกลุ่มกันสัปดาห์ละครั้งเพื่อติดตามผล เพื่อพยายามยอมรับ แบ่งปันประสบการณ์และเข้าใจความตายให้มากที่สุด
มิสแมรี่นักจิตบำบัดเคยกล่าวไว้ว่าความตายเป็นเพียงการทิ้งบางสิ่งบางอย่าง สิ่งที่เราแบกมาตลอด วันหนึ่งไม่มีเราอาจจะรู้สึกสบายขึ้นมากก็ได้ เมื่อคนที่เรารักจากไปจงยินดีกับเขาและจงทำตัวเองให้มีความสุขและอยู่เผื่อคนที่จากไป ความตายไม่ได้มีความหมายมากไปกว่าการมีชีวิตอยู่ อาจเป็นเพียงเส้นบางๆที่เราอุปโลกน์ให้ตนเองกลัวทั้งที่ความจริงเราอาจจะแค่หายไป...... เท่านั้นเอง!
ประสบการณ์ของคนที่เฉียดตายย่อมต่างกันไปตามพื้นฐานทางวัฒนธรรมแต่โดยรวมไม่ต่างกันนัก
มิสแมรี่เองเคยป่วยและนอนในห้องไอซียูร่วมเดือน เธอเล่าว่า ณ ขณะนั้นเธอเห็นภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองตกลงไปในโพรงสีขาวสว่าง ร่วงลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอเหนื่อยมากอยากให้ถึงก้นหลุมแต่ก็ไม่เคยถึงสักที
และแล้ววันหนึ่งก็มีมือกระชากเธอออกจากโพรงนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เครื่องปั๊มหัวใจกระตุ้นชีพจรเธอให้กลับมีชีวิต ประสบการณ์เฉียดตายของแม่เพื่อนคนหนึ่งก็คล้ายกัน ขณะพยายามเข้าไปช่วยสามีในตึกแฝดเธอสำลักควันของตึกที่กำลังถล่มนานนับนาที ณ เสี้ยวขณะจิตก็เห็นภาพตนเองวิ่งไปยังแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และแล้วก็มีแรงบางอย่างฉุดเธอไว้ เป็นเวลาเดียวกับที่หน่วยกู้ภัยวิ่งเข้ามาลากเธอออกจากตัวตึก
ฉันและเพื่อนๆในกลุ่มบำบัดพยายามทำความเข้าใจสภาพของชีวิตด้วยสติปัญญาของเด็กวัยรุ่น
เพื่อนหลายคนหันไปลองยาเสพย์ติด หลายคนหมกมุ่นกับกีฬา บางคนต้องทำงานเลี้ยงตัวเพราะไม่มีพ่อแม่ส่งเสีย ขณะที่ตัวฉันเองหลงรักศิลปะอย่างหัวปักหัวปำเมื่อได้พบสัจจะว่าศิลปะคือของขวัญที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์เพื่อแจกจ่ายแก่คนทั้งโลก
โศกนาฏกรรมเมื่อเก้าปีก่อนอาจย้อนกลับมาเมื่อไรก็ได้ ไม่แน่ว่าเราอาจกำลังประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันโดยไม่รู้ตัว อาจเป็นในรูปอาหารสำเร็จรูปหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ฆ่าคนตายด้วยอาวุธชีวภาพ และปัจจัยอีกนานัปการ
ที่ฉันรู้คือทุกคนย่อมเดินทางไปสู่จุดหมายเดียวกัน
และอาจมีความรักที่แท้จริงอยู่ในแสงรำไรที่ปลายอุโมงค์รอให้เราค้นพบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น