หลายครั้งมันเล่นกลกับเรา ... จะเพราะอะไรกัน เพราะไม้บรรทัดวัดความสำเร็
อาจเรียกได้ว่าไม่มีรูปร่าง
ความสำเร็จ ความล้มเหลว การเปรียบเทียบ บ่อยครั้งเกิดจากคำถาม
ตอนอนุบาลจำได้ว่าคำถามที่มีคนถามบ่อยๆคือ
"สูงเท่าไร, กี่ขวบแล้วคะ," จากผู้ใหญ่
จากเพื่อนๆด้วยกันก็จะถามว่
แล้วเริ่มเกิดการเปรียบเทีย
ชั้นประถมคำถามจากผู้ใหญ่เป
"สอบได้ที่เท่าไร , ได้เกรดเท่าไร" เลยไปจนถึงชั้นมัธยม
พอวัยรุ่น คำถามก็มีเรื่องกุ๊กกิ๊กหวา
วัยมหาวิทยาลัย ก็เหมือนเดิม คือได้เกรดเท่าไร หรือฝึกงานที่ไหน
เข้าวัยทำงานคำถามเปลี่ยนไป
" ได้เงินเดือนเท่าไร "
ประเด็นของบทความนี้ไม่ใช่คำถาม หรือคำตอบ แต่อยู่ที่วิธีคิด
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์เป็นสัตว์ที่ชอบเปรีย
ซึ่งบ่อยครั้งมองผลมากกว่าเ
กรณีศึกษาที่ 1:
นายเอไม่ได้เกียรตินิยม เรียนจบได้เงินเดือนหมื่นห้
นายบีได้เกียรตินิยม เรียนจบได้เงินสองหมื่น
เบื้องหลังสิ่งดังกล่าว
นายเอ ช่วยแม่ขายของที่ร้านชำทุกวัน ตื่นตีห้า รีบกลับจากมหาวิทยาลัย เฝ้าร้านถึงห้าทุ่ม
บางวันต้องไปนอนเฝ้ายายที่ป่วยและรับงาน Freelanceถ่ายภาพ ไปด้วยเพื่อช่วยส่งน้อง
นายเอ นอนไม่ค่อยพอ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ
นายบี ฐานะปานกลาง บ้านมีคนใช้ ขยันเรียนมาก ช่วยงานบ้านบางครั้ง
สุขภาพดีกว่านายเอ เพราะมีเวลาเล่นกีฬานายบีจึ
ไม้บรรทัดแรกว่าด้วยเงินเดื
นายบีชนะ
ไม้บรรทัดที่สองว่าด้วยประโ
นายเอชนะ
ไม้บรรทัดที่สามว่าด้วยความ
นายเอ ถ่ายภาพเก่ง นายบีเล่นกีฬาเก่ง เสมอกัน
ไม้บรรทัดที่สี่ว่าสุขภาพ
นายบีชนะ
ไม้บรรทัดที่ห้าว่าด้วยความ
เราไม่สามารถวัดได้
นี่แค่ตัวอย่างคร่าวๆ
กรณีศึกษาที่ 2:
นายซี เรียน Stanford ไปฝึกงานสามเดือน ได้ค่าแรงการเป็น Programmer รวม 10,000 USD หรือ 340,000
นายดี นักศึกษาไทยซึ่งเป็น Programmer เหมือนกันทราบข่าว จึงสมัครฝึกงานที่เดียวกัน
แต่ไม่ได้ค่าแรงเลยจึงบ่นว่
เบื้องหลังสิ่งดังกล่าว
นายซี ขยันเรียนมาก จนสอบได้ที่หนึ่งของประเทศ ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเป็นเวล
โดยอ่านหนังสือ ทำการบ้านเฉลี่ยวันละห้าชม.
ผลการเรียนในมหาวิทยาลัยระดับโลกเป้นที่น่าชื่นชม เพราะนายซีหัดปรับตัว เข้าหาผู้คน และเปิดรับสิ่งใหม่
นายดี ตื่นเก้าโมงเช้า อ่านหนังสือทำการบ้านวันละส
จึงเข้าใจว่าตัวเองเก่งมาก
กรณีศึกษาที่ 3:
นางสาวอี เพิ่งจบตรีสาขาแต่งหน้าจากล
สมัครงานเข้าทีมแต่งหน้าเรื่องพระนเรศวรแล้วได้งานทันที ค่าตัวปีละ 5 แสนบาท
นางสาวจี เพิ่งจบสาขาเดียวกัน ที่เมืองไทย แต่งหน้างานแต่งงานมาแล้วนั
ได้งานที่เดียวกัน ค่าตัวปีละ 1 แสนบาท
เมื่อรู้รายได้นางสาวอีจึงข
เบื้องหลังสิ่งดังกล่าว
ทั้งคู่ต่างเป็นเด็กกำพร้า นางสาวอีและนางสาวจี เรียนโรงเรียนเดียวกัน ฐานะไม่แตกต่างกัน
นางสาวอี ขยันสอบชิงทุนมหาวิทยาลัยได้เวลาปิดเทอมก็ไม่ไปเที่ยวเห
จนได้ทำงานกับหนัง Hollywood ไม่ได้ค่าตัว แต่อยู่กินฟรีและได้ประสบกา
นางสาวจี เรียนโรงเรียนทั่วไป แต่งหน้าเวลาว่าง รับงานเสาร์อาทิตย์ ไม่เคยฝึกงาน ขยันเป็นพักๆ
ไม้บรรทัดวัดความสำเร็จนั้น
บ่อยครั้งการมองคนจากสิ่งที
นายบีไม่ควรดูถูกนายเอ
นายดีไม่ควรอิจฉานายซี
นางสาวจี หากรู้เบื้องหลังเงินเดือนข
มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันในเ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น