วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การศึกษาให้อะไรกับเรา


โดยสามัญ สัญชาตญาณมักสั่งให้มนุษย์ตั้งคำถาม ยากง่าย ตื้นลึกก็แล้วแต่นิสัย สันดาน หรือการเลี้ยงดู

บังเอิญฉันเป็นคนช่างถาม แต่ถามแล้วมักไม่ได้รับคำตอบ ตั้งแต่เล็กจนโตจึงมักลองเอง เจ็บเอง แล้วก็ไม่ค่อยเข็ด

มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งไม่เคยสงสัยหรือตั้งคำถามเลยซึ่งเป็นการมองข้ามที่ภาษาเหนือเรียกว่า 'ง่าว' หรือโง่สุดๆ

คำถามนั้นคือ 'การศึกษาให้อะไรกับเรา'

จะเพราะอะไรก็ขี้เกียจจะโทษใคร ไม่ใช่ความผิดของระบบ ของพ่อแม่ หรือตัวเราเอง หรืออาจเป็นทุกเหตุปัจจัย
ที่โฮะ(ภาษาเหนือแปลว่าผสม)รวมกันจนหล่อหลอมความเชื่อที่ว่า

'การศึกษานั้นสำคัญอย่างยิ่ง' .. ในสภา เวลาอะไรไม่ได้อย่างใจก็โทษว่าการศึกษามันห่วย

คนกรุงเทพหรือคนมีใบปริญญาด่าพวกที่เลือกเสื้อแดงว่า 'ไร้การศึกษา' เออ! มีแล้วมันดีอย่างไร





เรามาลองมองกันสองมุมดีกว่า


มุมของคนไม่มีการศึกษา (ไม่ใช่คำด่า แต่หมายความถึงคนที่มีวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรี)

ซึ่งแยกเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน

กลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มที่อาจกำลังไต่ขึ้นไปสู่ใบปริญญาที่ปุถุชนคิดว่าสำคัญด้วยการทำงานเก็บเงิน เรียนภาคค่ำ
ขณะเดียวกัน อาจทำงานอื่นไปด้วย

กลุ่มที่สอง กลุ่มที่มองข้ามใบปริญญาไปจริงๆ คือไม่เห็นว่าคำนี้มีตัวตนสักเท่าไร ศรัทธาในชีวิตของตัวเอง
กลุ่มที่สองอาจมาจากกลุ่มแรกที่ผิดหวัง แล้วปรับตัวได้ หรืออาจไม่สนใจการศึกษาเลยตั้งแต่ต้น
เพราะวัฒนธรรมในครอบครัวหล่อหลอมหรือปัจจัยในชีวิตเอื้อ

กลุุ่มที่สาม กลุ่มที่อยากมีการศึกษาแต่มีไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง อยากมีเพราะเจ็บปวดในระบบชนชั้นที่สังคมโลกที่สามยัดเยียดให้ ไม่ใช่เพราะสนใจในตัวความรู้



มุมต่อมาคือมุมของคนมีการศึกษา ซึ่งเดินชีวิตตามวิถีสามัญ เรียนเพราะสนใจเองหรือบุพการีชี้แนะก็สุดแท้แต่

แน่นอน กลุ่มนี้มองว่าการศึกษาสำคัญ


ก่อนถกประเด็นว่าการศึกษาให้อะไรกับเรา ฉันจำเป็นต้องบอกผู้อ่านว่าประเทศไทยนั้นมีจำนวนชนชั้นแรงงานเป็นอันดับสี่ของโลก คือ 52% (โดย The Economist,2007) ของประชาชนทั้งประเทศอยู่ในกลุ่มใช้แรงงาน และแน่นอนว่าไม่มีการศึกษา

คำว่า รากหญ้า ,แรงงาน ที่ทำให้การแยกชนชั้นนั้นชัดเจนขึ้นไปอีก เท่ากับด่าคนเกินครึ่งประเทศ

อีก 48% นั้นแยกเป็นชนชั้นอีกหลายระดับ ชนชั้นกลางอันประกอบด้วยตอนล่างและตอนบน รวมไปถึงกลุ่มที่เรียกว่าไฮโซซึ่งมีจำนวนน้อยนิด จึงมักปรากฏหราบนหน้าหนังสือเพราะหาดูยาก .. มีชื่อพันธุ์เป็นนามสกุล คล้ายๆติดป้ายดูหมีแพนด้าจากเซี่ยงไฮ้ ...ว่าไปโน่น
ใน 48% นี้มีเพียงไม่ถึง 30% ทีจบการศึกษาขั้นปริญญาตรี

สิ่งที่รัฐบาลทำ แบบง่ายๆ โง่ๆ เร็วๆ คือการยกระดับราชภัฏเป็นมหาวิทยาลัย (ด้วยการแค่เปลี่ยนชื่อหน้าราชภัฏและเปลี่ยนบางวิชา) อยากทราบว่าทำไปเพื่อ? เพื่อเปลี่ยนจำนวนตัวเลขคนจบปริญญาในแต่ละปีเท่านั้น หาได้เปลี่ยนอัตราการว่าจ้างไม่

ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เราโตจากราก เราโตจากหญ้า .. เราโตจากชนชั้นรากหญ้า
สินค้าส่งออกทั้งหลายล้วนผลิตจากคนที่เราใช้คำด่าว่า 'ไร้การศึกษา'

ทบวงมหาวิทยาลัยใช้งบประมาณรัฐในแต่ละปีเพื่อจ้างบุคลากรครู และอุปกรณ์การศึกษาให้นักศึกษาได้เรียนในราคาถูก ความจริงแล้วน่าจะเป็นการบอกอ้อมๆว่าเมื่อจบการศึกษาเราควรเห็นคุณค่าของแผ่นดินบ้าง
(อย่างน้อยก็ไม่น่าจะจบมาแล้วเหยียดหยามคนที่การศึกษาต่ำกว่า)

แล้วการศึกษาให้อะไรกับเรา?

ถามฉัน : การศึกษาทำให้ฉันรู้จักคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักตัวเอง และเข้าใจโลกมากขึ้น แต่นั่นฉันหมายถึงแค่การศึกษาที่ได้รับจากต่างประเทศเท่านั้น
การศึกษาในเมืองไทย สิ่งที่ได้มากที่สุดคือ คำว่า เพื่อน และประสบการณ์ชีวิต ความรู้ได้มากจากการอ่านนอกห้องเรียน และทำกิจกรรมนอกเวลา

ถามคนไม่มีการศึกษา กลุ่มที่หนึ่ง :

พี่เล็ก ช่างทำผม: การศึกษาเหรอ ไม่ได้ให้อะไรหรอก ถามว่าดีมั้ยได้เรียนนิติ ..ก็ดีนะ ทำให้อ่านหนังสือเร็วขึ้น
จบมามีวุฒิ แต่เราก็เป็นช่างทำผมเหมือนเดิม จะไปสอบเป็นอัยการ เป็นอะไร เขาไม่ให้เราเป็นหรอก เราเกิดมาอย่างงี้ ทำผมดีกว่า คุยกับลูกค้า ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร
คนขับแท็กซี่ ทองหล่อ: ผมว่าดีนะ ..ลงเรียนรามฯ ไปสอบบางเวลา คุณรู้มั้ยคนขับแท็กซี่เป็นอาชีพที่เท่ห์นะ
อย่างน้อยเรามีวุฒิ มีตัวเลือกมากขึ้นเผื่อวันไหนเบื่อจะได้ไปทำอย่างอื่น ไม่ต้องง้อเถ้าแก่

ถามคนไม่มีการศึกษา กลุ่มที่สอง:

น้าต้อย(นามสมมติ) แม่เพื่อน: นี่จบปอสี่กันทั้งน้าทั้งแฟนนะ ลูกคนเล็กเรียนเอก คนโตจบจุฬาฯเกียรตินิยม
คนเราถ้าเก่งก็หาทางกันไป ไม่จำเป็นต้องมีหรอก ขนาดไม่เรียนยังทำได้เลย
ไม่ต้องให้ใครมาดูถูกเรา มีบ้านมีรถ เรียนไม่เรียนไม่เป็นไร ต้องขยันทำมาหากิน
ลุงเฮือน คนขับสองแถว: เรียนหนังสือก็ไม่มีกินนะสิ ขับรถทุกวัน มีกินตลอด ได้เงินสด
ไม่ต้องพึ่งธนาคาร รถแดงนี่ก็ซ่อมฟรี เพื่อนซ่อมให้ตลอด ใครมีใครอวดก็ไม่ต้องยุ่งกับเขา
เราใส่เสือ้ม่อฮ่อม ร้อนก็สบาย หนาวก็ผูกผ้าพันคอ

ถามคนไม่มีการศึกษา กลุ่มที่สาม:

พี่แว่น มอเตอร์ไซค์: นี่น้องเรียนจุฬาเหรอ (ถามฉันกลับขณะซิ่ง) เออ ! เปล่าไม่ได้ว่าอะไร
เห็นหน้าเหมือนเด็ก จุฬาฯ ได้เรียนหนังสือก็ดีนะ ไม่ต้องมาขี่มอเตอร์ไซค์ ร้อน!
(ไม่ได้ขี่แต่ได้นั่งก็ร้อนเหมือนกันแหละพี่.. ฉันตอบกลับ) เออ เอาวะ
ได้เรียนโตขึ้นก็มีรถขี่จะได้ไม่ต้อง มานั่งตากแดด แฟนพี่นะ เรียนมอกรุงเทพ
เห็นพวกดอกเตอร์อะไรออกมาพูดภาษาฟังไม่รู้เรื่อง ได้เงินเดือนดี ขับเบนซ์
ไอ้เรามันไม่ได้เรียนหนิ ขี่มอ'ไซค์กันไป

ถามคนมีการศึกษาทั่วไปก็ตอบได้ง่ายๆว่า ได้มีงานมีเงิน ทำมาหากิน ไม่ต้องพึ่งใคร ได้บ้าน ได้รถ ได้ช่วยพ่อแม่


สรุปง่ายๆโดยไม่ต้องเขียนให้ยาว: การศึกษา คือเครื่องมือสู่คุณภาพชีวิตที่ดี

คุณภาพชีวิตที่ดีในมุมมองทั่วไป คือ มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวที่ดี ไม่มีหนี้
ปัจจัยอะไรก็ตามที่นำไปสู่สิ่งเหล่านี้ได้ก็นับว่าสำคัญ

การศึกษาแม้เป็นสิ่งประกันคุณภาพชีวิตได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้รับประกันความเป็นคน ความเป็นมนุษย์

ไม่ได้รับประกันสุขภาพกายและจิตที่ดี

การศึกษาไม่อาจทำให้ใครสูงกว่าใคร

ใบปริญญาไม่ได้ทำให้ใครฉลาดกว่าใคร หรือมีสิทธิ์ดูถูกใคร ..

สถาบันก็เช่นกัน ไม่ได้มีไว้อวดเบ่ง


คนเก่ง คนฉลาด คนดี ..คนรู้จักคิด จะมีการศึกษาหรือไม่ก็ย่อมมีความสุข ย่อมประสบความสำเร็จและมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องรอนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น