วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

สีเทา..และเงาของความดี?

ดร.เสรี วงมณฑา เคยกล่าวไว้ในการบรรยายทางทีวีแห่งหนึ่ง นานมากแล้วสมัยที่ฉันยังเด็กๆ มีนักเรียนม.ต้นคนหนึ่งถามท่านว่า “เราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือความดี”
ท่านตอบสั้นๆง่ายๆว่า “ถ้าทำอะไรแล้วบอกโลกได้โดยไม่อาย นั่นแหละความดี”
ตอนเด็กๆฉันยังคลางแคลงแต่ก็ไม่ได้ถึงกับตั้งใจหาข้อมูลอย่างเป็นจริงเป็นจัง



ตอนนี้คำตอบนั้นขัดความรู้สึกฉันเสียเหลือเกิน ด้วยว่าความชั่วความดีนั้นบ่อยครั้งวัดโดยบรรทัดฐานของสังคมที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว อาจมีเพียงไม่กี่เรื่องที่ชาวโลกยอมรับว่าเลวจริง เข้าถึงได้อย่างเสมอภาคแม้ข้ามเส้นวัฒนธรรม เช่น เรื่องแย่งคู่ครอง เรื่องโกงเงิน ชกต่อย วางแผนลอบกัด ฯลฯ
ฉันเข้าใจว่าดร.เสรี อาจให้คำตอบที่เหมาะกับวุฒิภาวะของผู้ถาม
แต่คำตอบก็เป็นเพียงคำตอบ ไม่ใช่ทฤษฎี

เรื่องความชั่วความเลวนั้นวัดได้ยาก ยากกว่าการวัดกับเส้นความสำเร็จ คำพูดหนึ่งที่ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งซึ่งได้จากหลวงแม่(ภิกษุณีธัมมนันทา)ในการไปบวชชีพราหมณ์
ท่านตอบว่า “ คนที่อยู่บ้านเฉยๆโดยไม่มีโอกาสทำความชั่วนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนดี.... คนดีคือคนที่มีโอกาสทำชั่วแล้วเลือกที่จะไม่ทำ”

ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดี ไม่ได้บอกว่าใครเป็น แต่ความชั่วนั้นมี และคนชั่วก็ย่อมมีด้วย แม้พักหลังๆสื่อหลายแขนงจะพยายามบอกว่าคนชั่วไม่มีจริง ทุกสิ่งเป็นสีเทาก็ตาม
ความชั่วมีสาเหตุก็จริง แต่คนชั่วเลือกที่จะใช้สาเหตุนั้นมาทำชั่ว ขณะที่คนดีเลือกนำต้นตอนั้นมาทำดี นี่แหละที่แตกต่าง!

คนทุกคนเติบโตขึ้นมาแม้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเราต่างเคยถูกทำร้าย ถ้าเรายอมให้ความเจ็บเป็นพลังสู่การทำร้ายผู้อื่น เรายอมแพ้ต่อความชั่ว... สักวันเราจะกลายเป็นคนชั่วและเมื่อทุกคนคิดเช่นนี้ วงจรแห่งความชั่วจะอุบัติขึ้น
หลายปัญหาก็เกิดขึ้นจากตรงนี้ เราอดทน เข้มแข็งแค่ไหนที่จะทำให้วงจรความชั่วมาหยุดที่เรา แล้วเปลี่ยนศรไปทำตรงข้าม?

กลับกัน... เมื่อเราโดนทำร้ายแล้วกลับใช้ความเจ็บและรอยจำเป็นเส้นทางสู่การส่งต่อความดี เพื่อปกป้อง รักและเผื่อแผ่แก่คนอื่น..วงจรแห่งความดีจะบังเกิดเช่นกัน

ความดีความชั่วยังมีตัวตน มีผล และทำได้ทุกที่ทุกเวลา ขอให้ปีใหม่นี้ทุกคนมีแรงต่อสู้กับความชั่วนะคะ:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น